วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563

 

ชนแล้วหนี ร.ต.ต. โรงพักภาษีเจริญ ดับคาต่างระดับราชพฤกษ์ ตร.เร่งตามล่าตีนผี พบรถจยย.มีรอบเฉี่ยวชนฝั่งขวา


เมื่อเวลา 22.40 น.วันที่ 29 ต.ค.2563 ร.ต.อ.สุรพล พรมผุ้ย รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ตลาดพลู รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตถูกรถยนต์เฉี่ยวชน บนสะพานต่างระดับถนนราชพฤกษ์ ก่อนถึงทางเบี่ยงลงรัชดา-ท่าพระ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กทม.จึงรุดตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และมูลนิธิร่วมกตัญญู


ที่เกิดเหตุอยู่บนสะพานต่างระดับ ซึ่งมีลักษณะเป็นถนน 4 เลน จากการตรวจสอบบริเวณช่องทางเลนที่ 3 พบศพ ร.ต.ต.พีระเดช เภาศรี รอง สว.(สอบสวน)ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายธุรการงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ สภาพสวมเสื้อยีนส์แขนยาว คลุมทับด้วยเสื้อกันฝนสีเขียว นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าหนัง ที่ใบหน้าซีกซ้ายมีบาดแผลลึกจากการกระแทกพื้น


ห่างไปราว 10 เมตร ที่เลนซ้ายสุดพบรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นแอร็อกซ์ สีน้ำเงิน เป็นรถใหม่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพล้มคว่ำตะแคงซ้าย มีรอยถูกเฉี่ยวชนตรงท่อไอเสียฝั่งขวา ไฟเลี้ยวด้านหลังฝั่งซ้ายหัก ใกล้กันพบหมวกตำรวจสายตรวจสีทอง 1 ใบตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงบันทึกและเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน


ด้าน ร.ต.อ.สุรพล กล่าวว่า ได้ประสานญาติผู้ตาย ทั้งภรรยาและบุตรชายให้เดินทางมาดูศพจากการสอบถามไม่มีใครทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับขี่ รถจยย.ฝ่าสายฝนเดินทางไปไหน คาดว่าน่าจะขี่รถจยย.มาตามเลนซ้ายเพื่อมุ่งหน้าลงถนนรัชดา-ท่าพระ ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 300-400 เมตร กระทั่งมาถูกรถยนต์ไม่ทราบชนิดเฉี่ยวชนจนร่างกระเด็นไถลไปนอนแน่นิ่งอยู่ในช่องทางถนนเลนที่ 3 เสียชีวิต

โดยหลังจากนี้ฝากประชาสัมพันธ์ ผู้ที่ใช้รถยนต์ที่ติดกล้องและสามารถบันทึกภาพช่วงระหว่างเกิดเหตุไว้ได้ ขอให้นำหลักฐานมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามรถยนต์คู่กรณีมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

 

ขอบคุณข้อมูล -Khaosod



วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2563


เกิดอุบัติเหตุรถน้ำมันชนท้ายรถบรรทุก 18 ล้อ สี่แยกอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ 




เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาได้เกิดอุบัติเหตุรถน้ำมันชนท้ายรถบรรทุก 18 ล้อ สี่แยกอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ แล้วเกิดเพลิงลุกไหม้บริเวณสี่แยก  ทำให้น้ำมันไหลเข้าไปในท่อระบายน้ำ ลุกลามติดรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนน และบ้านเรือนประชาชนเสียหาย และเกิดระเบิดขึ้นต่อเนื่องดังเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรในรัศมี 5 กิโลเมตร ล่าสุดหน่วยกู้ภัยต่างๆในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งหน่วยกู้ภัย ฮุก 31 จังหวัดนครราชสีมา





วุฒิพงษ์ อินทรีย์ดำ/รายงาน



วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

 รับแจ้งจากกู้ภัยสว่างรัตนฯจุดเฉลิมฯ มีผู้สูญหายใต้น้ำ บริเวณคลองส่งน้ำหนองม่วง 


วันนี้27/17/63 เวลาประมาณ 15.00น.กู้ภัยสว่างรัตนตรัย สระบุรี

รับแจ้งจากกู้ภัยสว่างรัตนฯจุดเฉลิมฯ มีผู้สูญหายใต้น้ำ บริเวณคลองส่งน้ำหนองม่วง ศูนย์กู้ภัยสว่างรัตนฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ค้นหาใต้น้ำ จัดอุปกรณ์ปะดาน้ำ ดำเนินการค้นหาผู้สูญหายใต้น้ำ ค้นหาเพียง 30 นาที พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย ทราบชื่อต่อมาคือ นายเจตนิพัทธ์ กุศลสวัสดิ์  อายุ16




38/2 หมู่8 ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรีจึงดำเนินการนำขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมฯ , เเพทย์เวร ตรวจสอบการเสียชีวิตต่อไป

อาสาออกปฎิบัติหน้าที่ : ศูนย์กู้ภัยสว่างรัตนฯ , จุดเมือง , จุดเฉลิมฯ



วุฒิพงษ์ อินทรีย์ดำ/รายงาน



วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563

 

เอราวัณ 7 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1ลงพื้นที่ประชุมติดตามความคืบหน้าคดียิงกันในงานทอดกฐิน พื้นที่สภ.วังน้อย


วันที่15 ตุลาคม 2563 เวลา 16.30 น. ณ ห้องประชุม ศปก.สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1 (สส) พล.ต.ต.พลฑิต ไชยรส ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.เลิศชาย จำปาทอง รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.วรชาติ แสนคำ รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.วิทิต จันทร์ผกก.กก.3 บก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.นฤนาทพุทไธสง รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ธานินทร์ ผิวละเอียด ผกก.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา

พ.ต.อ.พิสิษฐ์ สวัสดิ์ถาวร ผกก.สภ.วังน้อย

พ.ต.ท.เชิงชาย พงษ์แขก รอง ผกก.สส.สภ.วังน้อย พ.ต.ท.สุรศักดิ์ บัวภาคำ รอง ผกก.สภ.วังน้อย หน.งานสอบสวน ฯ ,สว.สส.ฯ พงส.ผู้รับผิดชอบคดีฯในสังกัด สภ.วังน้อย เข้าร่วมประชุม

 


กรณีช่วงสายวันนี้ 11 ต.ค.63 เกิดเหตุยิงกันภายใน วัดวงษ์สวรรค์ หมู่ 1 ต.หันตะเภา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าโรงทาน ที่เกิดเหตุส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บสาหัสจำนวน 1 ราย ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต ชื่อนายธวัชชัย ทองคำอายุ 35 ปี และผู้บาดเจ็บนายคมสัน เสนารายณ์ อายุ 35 ปีซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตายถูกยิงบริเวณสะโพกได้รับบาดเจ็บ

ไป


หลังจากประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1 (สส) ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว ว่าขณะนี้ชุดสืบสวนได้ดำเนินการสืบสวนและได้ข้อมูลเป็นที่น่าพอใจคาดว่าอีกไม่นานก็คงจะสามารถจับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้



วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563

 

อินทรีย์ดำ.เตือนภัย!

ผู้ประกอบการปั้มน้ำมันโวย! น้ำมันหายขณะมีการขนส่ง ร้องสื่อ 




วอนช่วยติดตามรถน้ำมัน ขณะนำส่งปั้ม ทีมงาน ล่าสีเทา ไม่รอช้าจัดชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พบรถน้ำมันของกลุ่มบริษัทต้องบุญหมายเลขทะเบียน70-5626นครราชสีมา กำลังวิ่งเข้าไปขายน้ำมันในคอกน้ำมันใกล้เคียงคลังน้ำมันเสาไห้ โดยทีมงานได้วิ่งไล่ตรวจสอบเส้นทางคลังน้ำมันที่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี  จึงพบรถและคอกน้ำมันที่ รับซื้อของโจรและลักทรัพย์นายจ้าง เปิดซื้อ-ขาย อย่างโจ๋งครึ่ม โดยไม่เกรงกลัวต่อกฏหมายแต่อย่างใด ถึงแม้จะมีรถสายตรวจผ่านอยู่ทุกๆวัน หรือ มีกลุ่มมีสีหนุนหลังกันเเน่ ชาวบ้านบางรายพูดกันว่า วันดีคืนดีก็จะมีตำรวจ เข้า-ออก จอดหน้าคอกเป็นประจำโดยเฉพาะทุกๆต้นเดือนไม่รู้ว่าส่งอะไรให้เเล้วก็ขับออกไปไม่เห็นมีการตรวจสอบแต่อย่างใด





 ทั้งๆที่เคยมีชาวบ้านร้องไปว่า ที่ตรงนี้ คือ คอกน้ำมัน ที่ ลักซื้อขายน้ำมัน เมื่อ 2 วันก่อนมีชาวบ้านเห็นมีตำรวจมาจับรถน้ำมันที่เอามาขาย เจ้าของคอกชื่อดำ ได้ออกมาพูดคุยอะไรบางอย่าง สุดท้ายตำรวจชุดนั้นก็ปล่อยรถน้ำมันออกไป ผู้ประกอบการปั้มน้ำมันขอให้ชุดปฎิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ส่วนกลาง ลงพื้นที่ครวจสอบโดยด่วน ถือว่าเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง.





วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563

 รถจักรยานยนต์เสียหลักตก คูน้ำข้างถนนบริเวณถนนปทุม- ลาดหลุมแก้ว

 

 เมื่อเวลา 01.30 น .วันที่ 13 ตุลาคม 2553 พ.ต.สมัย ดงรังษี สารวัตรเวรสอบสวนสภ. คูบางหลวง ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีรถจักรยานยนต์เสียหลักตก คูน้ำข้างถนนบริเวณถนนปทุม- ลาดหลุมแก้วมุ่งหน้า ปทุมธานี กม.ที่ 17 + 700 หมู่ 8 ตำบลคูบางหลวง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุ พบถังขยะชายถนนกระจัดกระจาย ห่างออกไป 20 เมตร พบรถจักรยานยนต์เวฟ 110 สีแดง หมายเลขทะเบียน กตน104 ปทุมธานี ตกอยู่ในคูน้ำข้างถนน ทราบชื่อนาย ศรายุทธ นันทา อายุ 23 ปี บ้านเลขที่42/183 หมู่10 หมู่บ้านทัศนีย์ ตำบลคูบางหลวง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี สภาพสวมหมวกกันน็อค ถูกรถจักรยานยนต์ทับจม น้ำเสียชีวิต ไม่พบบาดแผล และด้านบนยังพบผู้บาดเจ็บ เป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายยุทธพงศ์ ศิลป์อยู่ อายุ 18 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ สภาพ ข้อมือ ขวาหัก คิ้วด้านซ้ายและขวา มีบาดแผล เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลปทุมธานี

จากการสอบถาม นายเอกภพ คำพิบูลย์ 16 ปี เป็นเพื่อนผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากเลิกดูดนตรี ที่วัดบ่อเงิน ย่านลาดหลุมแก้ว จึงขับรถ มาบนถนน ปทุมลาดหลุมแก้วมุ่งหน้าปทุมธานี ขณะใกล้ถึงที่เกิดเหตุ พบกลุ่มวัยรุ่นขับจักรยานยนต์ประมาณ 3-4 คันตามมา ผู้ตายจึงบอกว่าให้ตนเองขับรถไปก่อน ตนเองจึงขับรถแซง ไปจอดรอบริเวณหน้าเซเว่นแฟลตคอม ขณะจอดรถ เติมเงินโทรศัพท์ มีวัยรุ่น จำนวน 2-3คน รถจักรยานยนต์ 2 คัน มาจอดจากนั้นก็ฟักมีดหัวตัด มาโชว์ให้ตนเองดู แล้วก็ขับรถไปพอเติมเงินหน้าเซเว่น และเติมเงินเสร็จ จึงวิ่งตามหาผู้ตายแต่ก็ไม่พบหลังจากนั้นมีคนมาบอกว่าพบผู้เสียชีวิต พร้อมรถจักรยานยนต์ ตกในคูน้ำข้างถนน จึงวิ่งมาดูก็พบว่าเป็นเพื่อนของตนเอง ทั้งสองคน เสียชีวิต 1 คนบาดเจ็บ 1 คน

ด้านพ.ต.สมัย ดงรังษี สารวัตรเวรสอบสวนสภ. คูบางหลวง ได้มาที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์โรงพยาบาลลาดหลุมแก้ว และพิสูจน์หลักฐาน 1 ปทุมธานี ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมบันทึกภาพและสอบถามเพื่อนผู้ตาย ไว้เป็นหลักฐาน และให้เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างผู้เสียชีวิต ส่งโรงพยาบาลนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และ จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณ ใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุ อุบัติเหตุครั้งนี้ และจะได้ประสานญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศล ทางศาสนาต่อไป..




คนแน่นวัดหลวงพ่อผอม จ.ชัยนาท แห่ขอโชค เรือแม่ตะเคียนทองสันล่าหลังมีคนดวงดีรับโชคกว่า 20 งวดติด นำเลขเด็ดลุ้นโชคต่อในงวด 16/10/63

เมื่อวันที่ 13 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาเรือโบราณ ภายในวัดโพธาราม หรือ วัดหลวงพ่อผอม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ได้มีนักเสี่ยงโชคเดินทางมาขอพรและแก้บนกันจำนวนมาก โดยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นชื่อคือ เรือไม้ตะเคียนทอง เรือไม้สักทอง อายุรวมกว่า 500 ปี

นอกจากนี้ยังมี เรือแม่ตะเคียนทองสันล่า ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าให้โชคมาในงวดที่แล้วตรงๆ ถูกกันทั่วหน้ากว่า 20 งวดติด ส่วนในครั้งนี้คอหวยเห็นเป็นเลข 20 ซึ่งตรงกับจำนวนรอบที่มีการรำแก้บน ส่วนเลขรอง คนเห็นเป็นเลข 3, 1, 8 เด่นลอยมาชัดเจน ทำให้หลายคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปกลับไปหาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จะออกในอีกไม่กี่วันนี้

ด้านนางสาววาสนา เฉลยไข อายุ 41 ปี สาวสิงห์บุรี เปิดเผยว่า ในงวดที่แล้วถูกรางวัล หลังเห็นเลขจากเรือแม่ตะเคียน ได้รางวัลไปหลักแสน ในวันนี้จึงได้นำชุดไทยมาถวายตามที่ได้มาขอกับแม่ตะเคียนไว้.



 ทูลกระหม่อมฯ ทรงโพสต์ทำบุญถวาย ในหลวง ร.9 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ







 

สจ.คนดังเมืองปทุมธานี บวชแก้บนให้พี่ชายหลังหายจากอาการป่วยหนัก

เมื่อช่วงเช้า วันที่ 12 ต.ค. 63 ณ พันธสีมา วัดสุราษฎร์รังสรรค์ (วัดดอน) ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายก อบจ.ปทุมธานี ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีงานอุปสมบทนายสวง สีเขียว อดีต ส.อบจ.ปทุมธานี พร้อมกันนี้ยังมีนายศุภชัย นพขำ สส.เขต2 ปทุมธานี นายสาคร อำพิน รอง นายก อบจ.ปทุมธานี นายสันติ สิริมงคล (สท.สุ) สมาชิก ทต.สามโคก พร้อมด้วย ส.อบจ.ปทุมธานี ทุกเขต ที่มาร่วมงานอุปสมบทในวันนี้




โดยงานดังกล่าวเริ่มมีการปลงผมนาคตามฤกษ์ตั้งแต่เวลา 07.09 น. หลังจากนั้นมีพิธีเทศน์สอนนาค ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ และแห่นาครอบอุโบสถจำนวน 9 รอบ เพื่อเข้าพิธีอุปสมบทตามประเพณีในเวลา 09.09 น. ภายในอุโบสถวัดสุราษฎร์รังสรรค์ โดยมี เพื่อนสนิท มิตรสหาย พ่อค้า ประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก เนื่องจาก สจ.สวง สีเขียว เป็นที่รู้จักและใจบุญชอบช่วยเหลือประชาชน




นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนาบุญกับ สจ. สวง สีเขียวและครอบครัวสีเขียวทุกคน ที่ตั้งใจบวชเพื่อแก้บนให้กับพี่ชายของเขา เนื่องจากทราบว่าพี่ชายของ สจ.สวงฯ เจ็บไข้ได้ป่วยน้องชายจึงบนบวชให้โดยขอให้พี่ชายหายเจ็บหายป่วย และเมื่อพี่ชายเป็นปกติดีแล้ว วันนี้ก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง ส.อบจ.ปทุมธานี เพื่อที่จะบวชให้กับพี่ชายและบวชเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่อีกด้วย






สำหรับงานบวชครั้งนี้ นอกจากบิดามารดา ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา และญาติพี่น้องมากันทุกคน ก็ถือว่าเป็นการรวมญาติ เพื่อจะได้อนุโมทนาบุญให้กับนาคสวง สีเขียว และครอบครัว นับว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ เพราะคนไทยเราจะบวชได้ 1 ครั้ง 2 ครั้งก็ตาม หากเป็นความตั้งใจก็เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งตนก็ต้องขออนุโมทนาบุญกับครอบครัวสีเขียว ที่บวชให้กับพี่ชายและทดแทนบุญคุณพ่อแม่ในครั้งนี้ด้วย