ธปท.พร้อมรองรับระบบการเงินดิจิทัลหลังโควิด–19
ทำคนใช้พร้อมเพย์พุ่ง 55.1 บัญชี ยอดใช้สูงสุด 20 ล้านรายการต่อวัน
ธปท.เตรียมเดินหน้า 5 ด้าน ใช้ ISO 20022 ในการรับส่งข้อมูล เปิดตัวเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสู่ภาคธุรกิจ สร้างรอยเท้าดิจิทัล–ดิจิทัลไอดี แสดงตัวตน และพฤติกรรมรายบุคคล รวมถึงการปล่อยกู้ออนไลน์ ช่วยให้คนไทยธุรกิจไทยลดต้นทุน และก้าวเข้าสู่วิถีใหม่ได้เร็วขึ้น
นายวิรไท สันติประภพ
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการเปิดงาน Bangkok FinTech Fair 2020
“พร้อมรับวิถีใหม่
SME ก้าวต่อไปด้วยดิจิทัล” ว่า
การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ (New normal) หลังโควิด-19
ได้เร่งพัฒนาการของระบบการเงินดิจิทัลของประเทศไทยอย่างรวดเร็ว
เห็นได้จากการใช้บริการระบบโอนเงินพร้อมเพย์ที่วันนี้มีจำนวนผู้มีบัญชีเงินฝากที่ผูกกับระบบพร้อมเพย์แล้ว
55.1 ล้านราย และมีรายการธุรกรรมที่ใช้บริการต่อวันสูงสุด 20 ล้านรายการต่อวัน
ขณะที่มีร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์โค้ดแล้วกว่า 6 ล้านราย
และเราเริ่มเห็นการเบิกเงินจากสาขาธนาคารตู้เอทีเอ็มและการใช้เช็คลดลงมาก
โดยธุรกิจจำนวนมากได้เรียนรู้เทคโนโลยีในการชำระเงินและนำไปใช้ประโยชน์มากขึ้น
ขณะเดียวกัน
ธปท.ได้พัฒนาเงินดิจิทัลของธนาคารกลางผ่านโครงการอินทนนท์
เพื่อเพิ่มความสะดวกในการชำระเงินเพิ่มขึ้น
เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างน้อยกว่าการใช้เงินสด โดยที่ผ่านมา
ได้เริ่มใช้เงินดิจิทัลในการชำระเงินระหว่างธนาคารพาณิชย์และเริ่มธุรกรรมการชำระเงินข้ามประเทศกับธนาคารฮ่องกง
รวมทั้งการใช้ชำระค่าพันธบัตร นอกจากนั้น ยังมีการพัฒนาระบบการใช้ชีวมิติ ต่างๆ
เพื่อแสดงตัวตนในการทำธุรกรรมออนไลน์กับธนาคารพาณิชย์ โดยใช้การสแกนใบหน้า
และประเด็นสุดท้ายที่ ธปท.ได้เริ่มดำเนินการคือ การให้บริการสินเชื่อโดยตรงระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้โดยไม่ผ่านสถาบันการเงิน
หรือ Peer-to-Peer
Lending Platform
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น