วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

 

ป.รวบ 2 ยี่ปั๊วแสบหลอกขายล๊อตเตอรี่ ก่อนเชิดเงินกว่า 400 ล้านบาทหลบหนีไปจนมุมที่ลพบุรี

 


 

เมื่อ 02.00 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ  ผดุงถิ่น ผกก.๓ บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์ รองผกก กก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรภาส ยั่งยืน รอง ผกก.๔ บก.ป.ปฏิบัติราชการ กก.๓ บก.ป.


โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม บก.ป. ประกอบด้วย พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก พ.ต.ท.เอนก บุญตา สว.กก.3 บก.ป. พ.ต.ต.ณัฐดนัย ศรีแขไตร สว.กก.๓ บก.ป. ร.ต.อ.ชุมพร เพ็ชรเลิศ ร.ต.อ.อธิรัตน์ ทิพเจริญ รองสว.ฯ ร.ต.อ.วิรัช เกิดผล ร.ต.ต.วิทยา สุทธิปัญโญ รอง สว.(ป) กก.๓ บก.ป. ด.ต.วิกรานต์ แก้วพิทูล ด.ต.ปรีชา บุญยัง ด.ต.สุริยา โพธิศรี ด.ต.ไตรสรณ์ สีเมฆ ด.ต.ชลอ  วัฒน์สืบแถว ด.ต.กฤตภาส สุนทรารักษ์ ด.ต.สังเวียน โอรา ด.ต.นมสิทธิ์ วาทโยธา ด.ต.สุรศักดิ์ บุญเพ็ง ด.ต.มงคล ชิณภาพ ด.ต.พิชิตณรงค์ คำยศ ผบ.หมู่ กก.๓ บก.ป ร่วมกับ จนท.ตำรวจ สภ.รัตนบุรี



โดยจับกุมนายทศพร จิตรแม้น และ นายยุทธนา ทองคำ  สองยี่ปั๊วแสบผู้ต้องหาที่หลบหนีหลังก่อเหตุฉ้อโกงประชาชนใน จ.สุรินทร์ ด้วยการหลอกขายล๊อตเตอรี่ ก่อนเชิดเงินไปกว่า 400 ล้านบาท ชุดจับกุมตามไปจับกุมตัวได้ที่ บ้านพักแห่งหนึ่งใน อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรีจากการตรวจค้นพบทรัพย์สินในตัวเป็นเงินสด 7 แสนกว่าบาท สร้อยคอทองคำและแหวนทองคำอีกเล็กน้อยจึงควบคุมตัวทั้งสองคนมาสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราม เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าชักชวนมาลุงทุนจริง แต่จำนวนเงินความเสียไม่ถึง 400 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว

 


ชาวบ้านผู้เสียหายกว่า 100 คนที่ จ.สุรินทร์ ทราบข่าวว่าตำรวจกองปราบปรามจับสองยี่ปั๊วแสบได้ ต่างดีใจและนัดหมายกันว่าวันนี้จะรวมตัวมาชี้ตัวผู้ต้องหา และร้องคัดค้านการประกันตัวเกรงว่าถ้าผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกไปจะไปข่มขู่คุกคามชาวบ้านผู้เสียหายได้

ผู้ต้องหาทั้งสองกับพวกที่ถูกจับได้ก่อนหน้า ซึ่งเป็นชาว จ.ร้อยเอ็ด เข้ามาตีสนิท และชักชวนให้ชาวบ้านใน จ.สุรินทร์ ร่วมทุนด้วยการนำเงินไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมาจำหน่าย และหากขายได้ทั้งหมดก็จะแบ่งเงินให้กับผู้ร่วมลงทุน ชาวบ้านหลงเชื่อจึงได้ร่วมทุนกับผู้ต้องหามานานกว่า 2 ปี และเห็นว่ามีรายได้จริงจากการซื้อล็อตเตอรี่ จึงตัดสินใจลงทุนกับผู้ต้องหาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และยังซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกับผู้ต้องหาไปขายให้กับกลุ่มเครือญาติในราคาต้นทุนฉบับละ 80 บาท หรือราคากล่องละ 500 ใบ ราคากล่องละ 35,000-40,000 บาท

โดยในช่วง 4-5 งวดแรก ได้รับเงินจากการจำหน่ายล็อตเตอรี่จริง

 


ต่อมางวดวันที่ 16 ต.ค.และงวด วันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ชาวบ้านผู้เสียหายกว่า 100 คนได้ซื้อล็อตเตอรี่กับผู้ต้องกลุ่มนี้ โดยลงทุนไปอีกรวมเป็นเงินจำนวนกว่า 400 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่สามารถจัดหาล็อตเตอรี่มาให้ได้ ทั้งๆ ที่รับเงินไปแล้ว ก่อยจะหลบหนี จึงแห่เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.รัตนบุรี ภ.จว.สุรินทร์ เมื่อ  7 ต.ค 2563 ..




วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

 

ตาวัย 60 หึงโหด คว้าท่อนเหล็กกระหน่ำตีกกหูเมียดับคาที่ ขณะนั่งกินข้าว



ตาวัย 60 ชาว อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ หึงโหดคว้าท่อนเหล็กกระหน่ำตีกกหูเมียดับคาที่ขณะนั่งกินข้าว ต่อหน้าน้องสาวตะโกนห้ามก็ไม่ฟัง หลังก่อเหตุหนีไปซ่อนในป่ามันก่อนให้ ผญบ.พาเข้ามอบตัว ญาติเผยผู้ก่อเหตุขี้หึงไม่มีสาเหตุเห็นเมียพูดคุยกับผู้ชายคนไหนก็ระแวงไปหมด ทะเลาะตบตีกันบ่อยขู่ฆ่าเมียต่อหน้าลูก

 


เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (13 พ.ย.63) พ.ต.ท.อภิศักดิ์ แสงดาว สารวัตร (สอบสวน) สภ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งว่า มีเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านตลาดแย้ ต.หนองบัว อ.ปะคำ จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลปะคำ และหน่วยกู้ภัยฯ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณครัวหลังบ้าน พบศพนางแตงกวา ปณิชยกุล หรือ แตงกวา อายุ 52 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณพื้น ในสภาพมีรอยถูกของแข็งตีที่บริเวณกกหูซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลนองเต็มพื้น จนเสียชีวิตคาที่ สอบถามญาติผู้ตายทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายบัญญัติ พิชยกุล หรือเอียง อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้ตายเอง และหลังก่อเหตุได้หลบหนี พร้อมท่อนเหล็กที่ใช้ก่อเหตุ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบ และขอความร่วมมือผู้นำหมู่บ้านช่วยติดตามตัว โดยทราบว่าผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่ามันสำปะหลัง ใกล้กับวัดดอนนางงาม

 


สอบถามนางสาวเข็มทราย จรกิ่ง อายุ 47 ปี น้องสาวคนตาย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ตายกลับจากส่งลูกชายอายุ 12 ปี ที่โรงเรียน และกำลังเตรียมสำรับข้าวนั่งกินข้าวในครัว จากนั้นก็เห็นนายบัญญัติ สามีผู้ตาย เดินถือท่อนเหล็กขนาดใหญ่เดินตรงไปที่ครัว แล้วไปกระหน่ำตีที่บริเวณเมียตัวเอง

ที่ผ่านมา ทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะ และตีกันประจำ เพราะสามีเป็นคนขี้หึงแบบไม่มีสาเหตุเห็นพี่สาวคุยกับผู้ชายคนไหนก็จะระแวงไปหมด จึงมีปากเสียงกันบ่อยเวลาตีกันก็จะมาช่วยห้ามปรามหลายครั้ง บางครั้งถึงขั้นก็ขู่ฆ่าเมียต่อหน้าลูกชายคนเล็ก แต่ครั้งนี้ไม่คิดว่าพี่เขยทำจะทำรุนแรงถึงขั้นฆ่าพี่สาวเสียชีวิต ก็เสียใจมากที่ไม่คิดว่าพี่เขยจะทำรุนแรงแบบนี้

ขณะที่นายสงบ ศาลากุล อายุ 63 ปี พี่เขยผู้ตาย เล่าให้ฟังว่า ตนกำลังกลับมาจากนาเห็นผู้ก่อเหตุถือเหล็กขนาดใหญ่เดินออกมาจากบ้านตน จึงถามว่าจะไปไล่ตีใคร โดยผู้ก่อเหตุไม่พูดไม่จาและรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นตนเดินเข้าไปถึงตัวบ้านก็ได้ยินพี่น้องสาวผู้ตายตะโกน บอกว่า แตงกวาตายแล้วๆ ตนก็ตกใจแต่ช่วยไม่ทันแล้ว ที่ผ่านมา ก็พบว่าผู้ก่อเหตุมักจะมีเรื่องหึงหวงและตบตีผู้ตายเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเพราะถือว่าเป็นเรื่องครอบครัว

ล่าสุดนายบัญญัติ ผู้ก่อเหตุ ได้ติดต่อให้นายปิยพงษ์ จูกุล ผู้ใหญ่บ้านพาเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะคำ พร้อมท่อนเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นหลักฐานที่ใช้ก่อเหตุ มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย โดยนายบัญญัติ ก็ยอมรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุทำร้ายภรรยาจริง แต่ไม่ยอมเปิดปากถึงสาเหตุ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้ง 2 ข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และกระทำความรุนแรงในครอบครัว

 

ขอบคุณข้อมูล -สยามรัฐ





วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ผบช.ภ. 1  พร้อมคณะ เข้าพบ ผว.จ. สิงห์บุรี

เพิ่มคำบรรยายภาพ


 

พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1

พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช.ภ.1.พล.ต.ต.วีรวิชญ์ บัวประเสริฐยิ่ง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี และ คณะ เดินทางเข้าพบ นาย ชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด สิงห์บุรี เพื่อหารือข้อราชการที่สำคัญ

จากนั้น 10.00 เป็นประธานการประชุมตรวจเยี่ยมและติดตามผลการปฏิบัติราชการ..







วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

 'บิ๊กโจ๊ก'ขึ้นเหนือนั่งช้างโปรยทาน 

    

"บิ๊กโจ๊ก" ขึ้นเหนือนั่งช้างโปรยทาน ก่อนนำ คณะศรัทธาบุญถวายผ้าจุลกฐิน วัดอุดมชัยราษฎร์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้ยอดเงินถวายกฐินกว่า 6 แสนบาท เพื่อบูรณปฏิสังขรณ์วัด โดยมีชาวบ้านให้การต้อนรับคณะกฐินเป็นจำนวนมาก








วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563



ทำไมห้างดัง จ.สระบุรี ถึงกล้าอยู่เหนือกฎหมาย 






 

ผู้ประกอบการตู้คีบตุ๊กตา สงสัย ว่า ทำไมรอบนอกถึงโดนสั่งยกและถูกจับ แต่ ทำไมห้างดัง จ.สระบุรี ถึงกล้าอยู่เหนือกฎหมาย มีแต่เด็กๆเยาวชนที่เข้ามาเล่น วอนผู้ว่าราชการ จ.สระบุรี ตรวจสอบ ข่าวลือว่า เป็นของนายตำรวจระดับบิ๊กๆจ่ายส่วยไม่ใช่น้อย ส่วนเกี่ยวข้องเลยตาบอด แกล้งทำมองไม่เห็นใช่หรือไม่!








วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

 สกัดจับกระเทียมแห้งเถื่อนไม่ผ่านพิธีการศุลกากร 

มุกดาหาร กองร้อยทหารพราน ร่วม กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ศุลกากรหน่วยข่าวกองฝ่ายทหารสำนักการข่าว กอ.รมน. ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายปกครองและ นรข. สกัดจับกระเทียมแห้งเถื่อนไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ลักลอบขนข้ามโขงมาทางเรือหางยาวเข้ามาแนวชายแดนริมฝั่งโขงถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับยึดได้ 100 กระสอบหนัก 2,000  กิโลกรัมมูลค่ากว่า 200,000 บาท


เมื่อเวลา 22.00น.กลางดึกของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 พล.ต.บุญสินพาดกลาง ผบ.กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจากสายหลับว่ากลุ่มขบวนการค้ากระเทียมเถื่อนลักลอบขนข้ามแม่น้ำโขงมาทางเรือหางยาวจากฝั่งแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาวนำเข้าชายแดนบริเวณปากห้วยโชบ้านสงเปือย ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร จึงสั่งการให้ พ.ต.สิทธิศักดิ์ สิง สุริยะ ผบ.ร้อย ทหารพราน 2205 มุกดาหารประสานหน่วยงานความมั่นคงดังกล่าวนำกำลังร่วมตรวจสอบบริเวณริมฝั่งโขงที่ได้รับแจ้ง พบชายฉกรรจ์รับจ้างแบกสินค้าเถื่อน จำนวน 7-8 คนกำลังแบกกระสอบบรรจุกระเทียมขึ้นจากฝั่ง เห็นเจ้าหน้าที่ก็อาศัยความมืดและความชำนาญในพื้นที่วิ่งหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบกระสอบบรรจุกระเทียมแห้งวางเกลื่อนริมตลิ่งริมฝั่งโขงตรวจนับได้จำนวน 100 กระสอบ น้ำหนัก 2,000 กิโลกรัม ส่วนเรือหางยาวของเครือข่ายชาวลาวหลังขนข้ามมาส่งให้โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรไม่ยอมเสียภาษีหันหัวเรือขับแล่นข้ามฝั่งสปป.ลาวไปทันที





ซึ่งกระเทียมที่ลักลอบนำเข้ามีนายทุนชาวไทยสั่งนำเข้าจากจีนโดยผ่านทางฝั่ง สปป.ลาวกก่อนลักลอบขนข้ามโขงส่งนายทุนฝั่งไทยส่งขายให้แม่ค้าอยู่ต่างจังหวัดไปจนถึงตลาดไท กทม.เนื่องจากกระเทียมที่ลักลอบนำเข้าจะมีราคาถูกกว่ากระเทียมของไทย ถึง 3 เท่า กระเทียมเถื่อนจากจีนจึงถูกลักลอบนำเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจับยังไงก็ไม่หมดสักที เจ้าหน้าที่นำของกลางส่งด่านศุลกากรมุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.











พวงเพชร/เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร รายงาน 092-5259-777




 

ติดตามความคืบหน้าการสร้างซุ้มบุกรุกคลองสาธารณะ ของเทศบาลคลองหลวง จ.ปทุมธานี



 

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 นาย สุวรรณ บัวโรย มาเป็นตัวแทน ในฐานะ สื่อธรรมมาภิบาลต้านคอรัปชั่น ได้เดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้า จากกรณี การสร้างซุ้มในพื้นที่อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่ได้สร้างรุกล้ำไปในคลองชลประทาน ซึ่งได้แจ้งต่อกรมชลประทาน เบื้องต้นกรมชลประทานได้ปักป้ายให้รื้อสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำในคลองแล้ว ทางผู้รับเหมาก็ยินดีทำตาม ไม่ทำซุ้มประตูกินที่ในลำคลอง แต่ย้ายเสาต้นนั้น มาวางกีดขวางทางบนถนนที่ประชาชนสัญจรแทน โดยตอม่อที่ก่อไว้ในลำคลองปรากฎว่าไม่มีการถอนรื้อทิ้   ทั้งนี้ในระหว่างที่สื่อมวลชนลงพื้นที่ ได้มีชาวบ้านได้เดินมาเล่าถึงความเดือดร้อนที่เสาซุ้มได้กินถนนที่มีการสัญจร



ทำให้ช่องการจราจรมีความแคบลงและไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะกับรถเล็ก ทั้งนี้บางต้นที่ปลูกสร้างเสร็จแล้วได้มีอุบัติเหตุกับรถบางส่วนมาแล้ว ยังไม่นับถึงเรื่องที่สิ่งปลูกสร้างที่มีโครงเป็นเหล็กได้มีสายไฟฟ้าแรงสูงพาด เป็นที่หวาดเสียวต่อคนทีสัญจรไปมา ต่อมา เวลา 13.30 น. นายสุวรรณ บัวโรย ตัวแทนสื่อธรรมมาภิบาลต้านคอรัปชั่น พร้อมกลุ่มสื่อมวลชน ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี เพื่อมาพบ นาย ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัด ปทุมธานี เพื่อยื่นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างซุ้มที่บุกรุกพื้นที่สาธารณะ แต่ไม่พบ เพราะท่านติดราชการ ต่อมา นายอำพล รักษ์มิตรอานนท์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.ปทุมธานี มารับเรื่องแทน และจะรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีต่อไป