วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564

 

คณะกรรมาธิการแรงงาน ติดตามความคืบหน้า คดีจับแรงงานต่างด้าว แย่งอาชีพคนไทย ย่านบางพลี พบตั๋วหลายหน่วยงาน!.

 

วันนี้ (28 มกราคม 2564) เวลา 10.00 น. นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการกรรมาธิการแรงงานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยสื่อมวลชนได้เดินทางมาที่สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีจับแรงงานต่างชาติที่เข้ามาขับมอเตอร์ไซด์พ่วงขายไอศครีมยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ชึ่งอาชีพการเร่ขายสินค้าเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทยเท่านั้น คนต่างด้าวห้ามทำเด็ดขาด โดยวันนี้มีหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการ กอ.รมน. สมุทรปราการ และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาร่วมตรวจสอบคดีนี้ด้วย


สำหรับคดีนี้มีการบันทึกให้ปากคำ โดยมี

ร.ต.อ.สุรกิจ เทียนทอง เป็นผู้กล่าวหา

นายมาโนช ชาฮี หรือ MR.MANOJ SHAHI กับพวก เป็นผู้ต้องหา ต่อหน้า ร.ต.อ.วัฒนกิต ยอดอาจ รองสว.สอบสวน สภ.บางพลี ว่า นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบในฐานะพยานในคดีอาญานี้



เนื่องจากเป็นผู้รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับคดีนี้ว่า ก่อนเกิดเหตุในขณะทึ่ข้าพเจ้าปฎิบัติหน้าที่ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้รับเรื่องร้องเรียนจากคณะกรรมาธิการแรงงานฯ เกี่ยวกับเรื่องแรงานชาวต่างชาติทำผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มกราคม2564 เวลาประมาณ 18.00 น. ข้าพเจ้า พร้อมด้วยคณะสื่อมวลชน ได้เดินทางลงพื้นที่ตามข้อมูล (ลับ) ที่ได้รับแจ้งมา โดยได้ไปตรวจสอบที่บริเวณหมู่บ้านพรสว่างนิเวศน์ หมู่ 3 ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบาพลี จังหวัดสมุทปราการ เมื่อถึงที่เกิดเหตุภายในหมู่บ้านพรสว่าง

นิเวศน์ หน้าบ้านเลขที่ 13/38 พบชาวต่างชาติ สัญชาติอินเดีย ตามข้อมูลเบาะแสที่ได้รับแจ้งมาว่า ได้ขับขี่รถกจักรยานยนต์พ่วงขายไอศครีมยี่ห้อดัง กำลังกลับเข้ามายังบ้านพักที่เกิดเหตุ จึงได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พ.ต.ต.ชนสิทธิ์ เด็ดดวง สวป. สภ.บางพลี ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบพบชาวต่างชาติ สัญชาติอินเดีย จำนวน 5 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจเอกสารหนังสือ


เดินทางและเอกสารอื่นๆ ระหว่างที่ตรวจสอบพบชาวต่างชาติชาวอินเดียขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงขายไอศครีมมายังบ้านที่เกิดเหตุอีก จำนวน 2 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอตรวจสอบเอกสารของคนต่างด้าว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจเอกสารเบื้องต้นของชาวต่างชาติ สัญชาติอินเดีย ทั้ง 7 คน ปรากฎว่าทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางพกติดตัวในขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น จึงได้แจ้งให้ร้อยเวรป้องกันปราบปรามและเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี โดยมี พ.ต.ท.อริเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ รอง ผกก.ป.สภ.บางพลี กับพวกนำกำลังมาที่เกิดเหตุ และได้ร่วมตรวจสอบด้วย ระหว่างตรวจสอบและได้สอบถามผู้ต้องหาทั้ง 7 คนว่า

โดยผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ยอมรับว่ามาขับรถมอเตอร์ไซด์พ่วงขายไอศครีมจริง และสอบถามเกี่ยวกับเอกสารเป็นตั๋วคูปองที่พบในตัวผู้ต้องหาแต่ละคน ตั๋วดังกล่าวมีลักษณะเป็นกระดาษสีเขียว, แดง, เหลือง จำนวนมากกว่า 10 ใบ มีรูปต่างๆ (รูปเสือ รูปหมี รูปดวงอาทิตย์ รูปสัม ติดบนกระดาษพร้อมเขียนวันเดือนปีเอาไว้) และได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน พ.ต.ท.อริเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ รอง ผกก.ป.สภ.บางพลีได้สอบถามแรงงายชาวต่างชาติเกี่ยวกับคูปองดังกล่าว ผู้ต้องหาตอบว่าพกไว้เพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ หากนำตั๋วคูปองดังกล่าวมาแสดงแล้ว ทางเจ้าหน้าทีจะไม่จับกุม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้ต้องหาทั้ง 7 คน พร้อมทั้งยึดเงินทีอยู่ในถุงพร้อมบัญชีไปที่ สภ.บางพลี และบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี


นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการกรรมาธิการแรงงาน สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยังได้แจ้งความประสงค์จะให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน

ดังนี้คือ 

1.ให้ตรวจสอบว่าผู้ต้องหาทั้ง 7 คน มีหนังสือเดินทาง และได้รับอนุญาตเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยในสถานะใด และพักอาศัยอยู่กับผู้ใดในสถานะใด มีผู้ใดเป็นผู้ให้ที่พักพิงและเป็นนายจ้าง หากตรวจสอบพบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แจ้งความ

ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และรายงานผลให้ทราบในฐานะเลขานุการกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร

2.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุว่าเป็นของผู้ใด และให้ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการของเจ้าบ้านที่เกิดเหตุว่ามีการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากตรวจสอบว่ามีการรับคนต่างด้าวเข้ามาประกอบอาชีพและให้ที่พักพิง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และรายงานผลให้ทราบในฐานะเลขานุการกรรมาธิการฯ

และให้ พ.ต.ท.อริเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ รอง ผกก.ป.สภ.บางพลี ที่ตรวจพบพยานหลักฐานดังกล่าว หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับนายมาโนช ซาฮี ในความผิดที่ตรวจสอบพบการกระทำความผิด

ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ถึง 7 หากพบมีการการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องตามที่ข้าพเจ้ากล่าวมาข้างต้น ก็ให้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 2 ถึง 7 และรายงานผลการดำเนินการส่งไปยังสำนักงานเลขานุการกรรมาธิการแรงงานสภาผู้แทนราษฎร ถนนสามแสน แขวง/เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

พ.ต.อ. วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวน และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้มาทำการตรวจพาสปอร์ตพบว่า มีชาวต่างชาติที่ถูกจับมามี 2 คนที่ถูกจับปรับในกรณีไม่พกพาสปอร๋ต เพราะ 1คนมีภรรยาเป็นคนไทยและมีบุตรด้วย ส่วนอีก 1 คน วีซ่ายังไม่หมดอายุ ส่วนอีก 5 คนนั้น Over STay วีซ่าหมดอายุ ก็ต้องทำบันทึกจับกุมใหม่ ส่วนเรื่องของการทำอาชีพขายสินค้าของแรงงานต่างชาติที่เข้ามาขับมอเตอร์ไซด์พ่วงขายไอศครีมยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ชึ่งอาชีพการเร่ขายสินค้าเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทยเท่านั้น คนต่างด้าวห้ามทำเด็ดขาดนั้น พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกเจ้าของบ้านมาสอบสวนว่าชาวต่างชาติทั้ง 7 คนมาทำอาชีพอะไรกันแน่ จีงจะสามารถตั้งข้อหาได้ แต่ถ้าไม่มีอะไรเจ้าของบ้านอาจต้องโดนข้อหาให้ที่พักพิงคนต่างชาติ

นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการกรรมาธิการฯ กล่าวว่าเรื่องคูปองตั๋วที่พบนั้น ก็ยังไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ว่าหน่วยงานไหนเป็นผู้ออกให้




 

โรงงานผลิตจิวเวลรี่ประกาศปิด พนักงานกว่า 2,600 คน ตกงาน


เพจ BTimes ได้มีการรายงานสถานการณ์ หลังจากที่บริษัท จิวเวอรี่ชื่อดังได้ประกาศปิดหนึ่งโรงงาน โดยระบุว่า บริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) ซึ่งมีโรงงานผลิต และซ่อมแซมอัญมณีเทียม รวมถึงผลิตบรรจุภัณฑ์ใช้สำหรับสินค้าประเภทจิวเวลรี่ อยู่ 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ และนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประกาศปิดโรงงานนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมทั้งยุบรวมสายการผลิตไปอยู่รวมการตัดลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่นี้ ด้วยการปิดโรงงานผลิตที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ส่งผลให้ต้องมีการปลดพนักงานเป็นจำนวนมากถึง 2,600 คน ซึ่งถือเป็นการปลดพนักงานมากที่สุดครั้งหนึ่งในอุตสาหกรรมจิวเวลรี่ของประเทศไทย


ด้านเฟสบุ๊ก สังคมโรงงาน V2 โพสต์รูปภาพให้เห็นบรรยกาศเศร้าภายในโรงงานแมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีพนักงานจำนวนมากรวมตัวกัน เพื่อทยอยออกจากโรงงานดังกล่าวที่มีการปิดตัวลงในวันนี้ สถานการณ์ CV-19 ในครั้งที่ 1 เมื่อปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) ด้วยการปลดพนักงานที่โรงงานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกไปเป็นจำนวน 300-500 คนกันที่โรงงานนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อเป็นการปรับตัวทางธุรกิจให้อยู่รอด

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในช่วง 11 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่า 17,548.80 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.24% เมื่ออยู่ในค่าเงินบาทมีมูลค่า 547,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.79% โดยเป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 2 คิดเป็นสัดส่วน 8.30% ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย แต่ในความเป็นจริง เมื่อหักการส่งออกทองคำออกไป ซึ่งมีความผันผวนสูงมาก ทำให้มูลค่าการส่งออกที่แท้จริงมีมูลค่า 4,395.91 ล้านเหรียญสหรัฐ ตกต่ำรุนแรงถึง -42.26% ในรูปค่าเงินบาท 135,971.52 ล้านบาท ทรุดหนักมากถึง -42.43% % ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 7,454.53 ล้านเหรียญสหรัฐ ย่ำแย่อย่างมากถึง -34.91% เมื่อคิดเป็นค่าเงินบาท มูลค่า 233,774.06 ล้านบาท หดหายมากถึง -35.06%

 


 บิ๊กยอดผู้การปทุมธานี ตรวจเยี่ยมฝึกทบทวนใช้อาวุธปืนเบื้องต้น ตรวจค้นบุคคล อาคาร ยานพาหนะ ของ จนท.ตร.นปพ.ประจำ กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี


วันที่ 27 ม.ค.64 เวลา 17.30 น. พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกทบทวน ของ จนท.ตร.นปพ.ประจำกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี

 โดยมี พ.ต.ต.นิยม ตรีพืช สว.นปพ.ฯ เป็นผู้ควบคุมการฝึก โดยใช้วิทยากรครูฝึกจาก จนท.ตร.ประจำ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1 โดยได้ทำการฝึกทบทวน ดังนี้ 

1. การใช้อาวุธปืนเบื้องต้น เช่น อาวุธปืนพกสั้น อาวุธปืนแบบเอ็ม 4 และอาวุธปืน แบบลูกซอง

2. การตรวจค้นบุคคล อาคาร และยานพาหนะ

พล.ต.ต.ชยุตฯ ได้กล่าวขอบคุณทีมงานวิทยากรที่เสียสละเวลามาช่วยฝึกอบรมให้แก่ จนท.ตร.นปพ. ในครั้งนี้ พร้อมกับได้มอบเสื้อยืดของหน่วย นปพ.ภ.จว. ปทุมธานี และมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับทีมงานอีกด้วย

 ณ อาคารเอนกประสงค์ พล.ต.ต.ดร.ชยุต มารยาทตร์บริเวณหน้าอาคาร ภ.จว. ปทุมธานี







 

สมชาย/อ๊อด..รายงาน




วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564

 พังงา ผีพนันไม่กลัวโควิด-19 ตำรวจพร้อมฝ่ายปกครองบุกรวบนักพนันกว่า 10 คน เล่นกุ้งปลาในสวนปาล์ม


เมื่อเวลา 19.30 น. พ.ต.ท.ประเสริฐ แจ่มใส สารวัตรสืบสวน สภ.ทับปุด พร้อมด้วยนายเอกชัย พรหมแสง ปลัดอำเภอทับปุด ฝ่ายความมั่นคง ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีกลุ่มบุคคลเข้ามาลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ตำบลบ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ชุดป้องกันปราบปรามและเจ้าหน้าที่ อส.กว่า 10 นาย เข้าปิดล้อมโรงเก็บของภายในสวนปาล์มน้ำมันพื้นที่ม.6 บ้านบนทุ่ง ต.บ่อแสน อ.ทับปุด พบนักพนันกว่า 20 คนกำลังเล่นพนันกุ้งปลา(ทำนองโปปั่น)กันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด โดยส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากากอนามัย ป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงเปิดฉากเข้าจับกุม บรรดานักพนันก็วิ่งหนีกันอย่างอุตลุด ซึ่งสามารถจับกุมได้รวม 12 คน พร้อมด้วยของกลางอุปกรณ์เล่นการพนัน เงินสด14,00 บาท ชิปไม้แทนเงินสดจำนวนหนึ่ง โดยผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ได้เป็นคนในพื้นที่อำเภอทับปุดแต่อย่างใดส่วนใหญ่มาจากจังหวัดภูเก็ตและอำเภอตะกั่วทุ่ง



เจ้าหน้าที่จึงได้คุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทับปุดดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีไป ลักลอบเล่นการพนันทำนองโปปั่น (กุ้ง ปลา )พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดพังงาฉบับที่ 15 เรื่อง สั่งปิดสถานที่ และกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 พร้อมกับดำเนินคดีฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดพังงาเรื่องการต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน ขณะที่ผู้ต้องหาบ้างคนได้รับบาดเจ็บจากการวิ่งหนีขณะจับกุมจนขาพลิกขาแพลงกันหลายคน





 

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2564

 กกต. จ.นนทบุรี เรียกชมรมสื่อธรรมาภิบาลและต้านคอรับชั่น มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม กรณีชาวบ้านร้องให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครสมาชิก อบจ. นนทบุรี


 



จากกรณีชาวบ้านร้องชมรมสื่อธรรมาภิบาลและต้านคอรับชั่น ให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครสมาชิก อบจ. นนทบุรี เขตบางใหญ่ ที่ได้รับเลือกท่านหนึ่งว่าขาดคุณสมบัติในการลงสมัครเลือกตั้งสมาชิก อบจ.จังหวัดนนทบุรี และเมื่อวันก่อน



ทางชมรมสื่อธรรมาภิบาลและต้านคอรับชั่นได้เดินทางไปที่ กกต. จังหวัดนนทบุรี เพื่อพบกับ ร้อยตำรวจเอกหญิง วฤนธร ตั้งตฤษณกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หลังทาง กกต.นนทบุรี รับทราบเรื่องและดำเนินการตรวจสอบแล้ว แต่ยังขาดรายละเอียดบางส่วน จึงมีจดหมายเชิญทางชมรมสื่อธรรมาภิบาลและต้านคอรับชั่นมาให้รายละเอียดเพิ่มเติม

โดยวันนี้ (วันที่ 20 มกราคม 2564) นายฤทธิรณ ปัญญากาบ เลขานุการชมรมสื่อ ธรรมาภิบาลและต้านคอรัปชั่น ได้เดินทางมาที่ กกต. จ.นนทบุรี เพื่อมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ กกต. จ.นนทบุรี หลังจากได้ยื่นหนังสือให้ทาง กกต.จังหวัดนนทบุรีให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิก อบจ.จังหวัดนนทบุรี  ซึ่งหลังจากให้ปากคำเพิ่มเติมแล้ว นายฤทธิรณ ปัญญากาบ เลขานุการชมรมฯ ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในวันนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ทาง กกต. จ.นนทบุรี ก็ต้องทำการสืบสวนสอบสวนเรื่องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิก อบจ.จังหวัดนนทบุรี ต่อไป และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็จะมีหมายเชิญทางชมรมสื่อ ธรรมาภิบาลและต้านคอรัปชั่นมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก ทางชมรมสื่อธรรมาภิบาลและต้านคอรัปชั่น ก็จะติดตามเรื่องนี้ต่อไป จนทราบผลของการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิก อบจ.จังหวัดนนทบุรี..



วุฒิพงษ์ อินทรีย์ดำ/รายงาน




วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2564

 สำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี ร่วมมือ กับนักศึกษาปปร.24) บ้านดุสิตสถาบันพระปกเกล้า ทำคลังสินค้าเพิ่มช่องทางการตลาดออนไลน์






จังหวัดนนทบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี ร่วมมือ กับนักศึกษาหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูงรุ่นที่ 24  (ปปร.24) บ้านดุสิตสถาบันพระปกเกล้า ทำคลังสินค้าเพิ่มช่องทางการตลาดออนไลน์ช่วยเหลือเกษตรกรช่วงสถานการณ์ โควิด- 19 พร้อมเพิ่มศักยภาพที่จะนำสินค้าเกษตรสู่ผู้บริโภค

 วันนี้( 18 ม.ค.64) เวลา 09.30 น. ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี อ.เมือง จ.นนทบุรี ดร.สุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ เรื่อง การเข้าถึงเทคโนโลยีและการตลาดเกษตรกรออนไลน์ (เกษตรกรดิจิทัล) โดยมี ดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ

รองประธานนักศึกษา ปปร.รุ่นที่ 24และคณะฯ




,ประธาน กต.ตร.จว.นนทบุรี (ภาคประชาชน) นายปรีชา บำรุงศรี เกษตรจังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานที่

เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม   สำหรับสินค้าเกษตรของจังหวัดนนทบุรี มีศักยภาพที่จะนำมาทำการตลาด

หลายประเภท อาทิ ผัก ผลไม้ สินค้าแปรรูปต่างๆ  การเข้าถึงช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ จึงช่วยทำให้ผู้

บริโภคซื้อสินค้าได้สะดวกและง่ายขึ้น การสร้างแบรนด์ การจดเครื่องหมายการค้า การออกแบบบรรจุ

ภัณฑ์สินค้า รวมถึงการสร้างคอนเทนต์หรือสตอรี่ ล้วนแล้วแต่ส่งเสริมให้เกษตรกรจำหน่ายสินค้าได้แล

ะเป็นที่รู้จักในวงกว้าง การสร้างทักษะ มุมมอง และประสบการณ์จากองค์กรชั้นนำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เรา

เกษตรกรจังหวัดนนทบุรี ต้องเรียนรู้และไม่หยุดที่จะพัฒนา




       นายปรีชา บำรุงศรี เกษตรจังหวัดนนทบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สำนักงานเกษตรจังหวัด กำลังทำคลังข้อมูลสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้แก่เกษตรกร โดยเฉพาะสินค้าเกษตรจากเกษตรกรรายย่อย, smart farmer ต่างๆ,กลุ่มส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่,วิสาหกิจชุมชน,กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรและกลุ่มส่งเสริมอาชีพเกษตรกร โดยจะมีสินค้าต่างๆ ไม่น้อยกว่า 20 ชนิด ได้แก่ ข้าวและธัญพืช,ผักสด,ผลไม้สด,ไม้ดอกไม้ประดับ,อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม, สมุนไพรและเครื่องสำอาง, ผ้าและเครื่องแต่งกาย,หัตถกรรมและสิ่งประดิษฐ์อื่นๆโดยสินค้าต่างๆจะเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน ซึ่งผู้ซื้อสามารถเข้ามาเลือกซื้อจากหน้าเว็บไซต์สำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี ได้โดยตรง โดยจะมีภาพสินค้าผู้ผลิต พร้อมรายละเอียดติดต่อไว้ให้