วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2564

พล.ต.ท อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.๑ ได้เป็นประธานจัดประชุม คณะที่ปรึกษาตำรวจภูธรภาค ๑.



วันนี้ วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา  ๑๐.๐๐ น.พล.ต.ท อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.๑ ได้เป็นประธานจัดประชุม คณะที่ปรึกษาตำรวจภูธรภาค ๑.เพื่อรับฟังคำเสนอแนะและข้อเสนอแนะ  มอบของที่ระลึก และขอบคุณคณะที่ปรึกษา กต.ตร.ภ.๑. ที่ให้การสนับสนุนการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาตำรวจภูธรภาค ๑ ครบรอบ ๔๕ ปี  เมื่อ   ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา โดยมี นายสุนทร  ชนานุศิริ ที่ปรึกษา กต.ตร.ภ.จว อ่างทอง ผู้ทรงคุณวุฒิ  ที่ปรึกษา ผบช.ภ.๑. พ.ต.อ.มงคล ภูวประภาชาติ รอง ผบก.อก.ภ.๔.ปฎิบัติราชการ รอง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง เข้าร่วมประชุมด้วย ที่ ห้องสมุดสนใจรักษ์ อาคาร ภ.๑.ถ.วิภาวดี





วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2564

 โปรดเกล้าฯ บิ๊กโจ๊กสุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา(สบ9) ตั้งแต่ 27 มี.ค.และแต่งตั้ง 75 นายพล มีผล 1 เม.ย.64


วันที่ 28 มี.ค. 2564เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญพ้นจากตำแหน่งและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีมติเห็นชอบให้รับโอนมาบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ พ้นจากตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ 9 )สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2564ประกาศณวันที่ 28 มีนาคมพ.ศ.2564

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกัน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ข้าราชการตำรวจ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้บังคับการ จำนวน 75 นาย ให้มีผล ณ 1 เม.ย. 64




 เข้ามอบตัวแล้ว สามีเก่าก่อเหตุยิงสามีใหม่เสียชีวิต หน้าหน่วยเลือกตั้งบางคูรัด นนทบุรี


 

28 มี.ค. 2564

จากกรณีเมื่อเวลา 15.00 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายวศิณ นุชหรั่ง อายุ 38 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณตรงข้ามหน่วยเลือกตั้งนายกเทศบาลเมืองบางคูรัด บริเวณสนามกลางหมู่บ้านพฤกษา 3 ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถหลบหนีไป จากการสอบสวนแฟนสาวของผู้เสียชีวิตทราบว่า เป็นสามีเก่าที่เลิกลากันไปแล้วเป็นผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องหึงหวง ไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำแฟนผู้เสียชีวิต และพยานเพื่อติดตามตัวคนร้ายต่อไป

 


ล่าสุด เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ผ่านมา ที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ถ.จว.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดสืลสวน ภ.จว.นนทบุรี สืบสวน สภ.บางบัวทอง ได้รับการติดต่อขอมอบตัวจาก นายคุณัชญ์ อุ่นเปีย อายุ 40 ปี ชาว อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้ต้องหายิง นายวศิณ หรือแก้ว นุชหรั่ง อายุ 38 ปี หน้าหน่วยเลือกตั้งสนามกลางหมู่บ้านพฤกษา 3 ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จำนวน 2 นัด ถูกบริเวณกลางหลัง 1 นัดและชายโครงซ้าย 1 นัด ต่อหน้า น.ส.สุพัตรา ญาสิทธิ์ 39 ปี แฟนสาวซึ่งเป็นอดีตภรรยาผู้ก่อเหตุ เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 28 มี.ค. 64

 


จากการสอบสวน นายคุณัชญ์ อุ่นเปีย อายุ 40 ปี ผู้ก่อเหตุ ทราบว่า ผู้ต้องหาและ น.ส.สุพัตรา เคยเป็นสามีภรรยากัน มีลูกด้วยกัน 3 คน จากนั้นได้เลิกลากัน แต่ผู้ต้องหายังอาศัยอยู่ที่บ้านแม่ น.ส.สุพัตรา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องหึงหวงกันมาก่อนแต่ทางญาติได้ห้ามไว้ โดยผู้ก่อเหตุยังหึงหวงภรรยาเก่าอยู่ วันนี้ทราบว่าทั้งอดีตภรรยาและแฟนใหม่จะมาลงคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยนี้ จึงได้ขับรถคันก่อเหตุมารอ เมื่อเห็นทั้งคู่ลงมาจากรถจึงได้เดินเข้าไปประกบยิงจนสามีใหม่เสียชีวิตดังกล่าว จากนั้นได้ขับรถหลบหนีออกด้านหลังหมู่บ้าน แต่ไม่รู้จะไปไหน จึงได้ติดต่อขอมอบตัว

 



เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนยังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ก่อเหตุอย่างละเอียด เพื่อเตรียมตั้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีต่อไป




วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2564

 ชุดสืบสวนสภ. บางปะกงรวบชายอ้างเป็นตำรวจเข้าตรวจค้นรถผู้เสียหายภายในปั๊มน้ำมันก่อนจะฉวยโอกาสชิงทรัพย์แล้วหลบหนี

วันนี้ 27 มี.ค. 64 เวลา 02.30 น. ได้มีเหตุคนร้ายเพศชายอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอทำการตรวจค้นรถของชาวบ้านที่จอดอยู่ในบริเวณภายในปั้มน้ำมันเชลล์ ริมถนนบางนา-ตราด ขาเข้า กรุงเทพมหานคร กม.39 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้นได้ลักเอาทรัพย์สินไป นั้น

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ นายพรชัย หล่าเพีย อายุ 23 ปี แสดงตัวเป็นผู้เสียหาย จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ขับขี่รถยนต์กระบะ โตโยต้า ทะเบียน บม-5587 จันทบุรี เข้ามานอนพักภายในปั้มน้ำมัน ต่อมาได้มีคนร้ายเพศชาย นำไฟฉายมาส่อง,เคาะกระจกเรียก แล้วอ้างว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอทำการตรวจค้นรถของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ และให้ตรวจค้น คนร้ายได้ลักเอาโทรศัพท์ของผู้เสียหายแล้วขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป 

เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางปะกง จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีอยู่ที่โรงแรมบีบีกลาสเฮ้าส์ ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง แขวงสวนหลวง กรุงเทพมหานคร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบโดยได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน เข้าร่วมตรวจสอบด้วย จากการตรวจสอบพบ นายพันธการณ์ นาคสมบูรณ์ ผู้ก่อเหตุอยู่ที่โรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางปะกง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องปันปราบปราม สน.คลองตัน จึงได้ทำการจับกุมตัวนายพันธการณ์ นาคสมบูรณ์ ผู้ต้องหา พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และโทรศัพท์ของกลางที่ได้ลักเอาไป 


จากการตรวจสอบทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาครอบครองอยู่พบของมีค่าหลายรายการ ได้แก่ 

1.แว่นตากันแดดสีดำยี่ห้อ Ray Ban พร้อมกล่องแว่น จำนวน 2 อัน 

2.นาฬิกายี่ห้อ SEIKO สเตนเลสตัวเรือนและสายสีเงิน  

3.สร้อยคอโลหะสีทอง จำนวน 1 เส้น พร้อมพระเครื่องพิมพ์พระสมเด็จเนื้อผง จำนวน 1 องค์

4.กระเป๋าคาดเอว ยี่ห้อ จอแดน สีแดง จำนวน 1 ใบ

5.เหรียญพยาครุฑ จำนวน 1 องค์

6.สร้อยคอโลหะสีทอง จำนวน 1 เส้น พร้อมพระเครื่องลอยองหลวงปู่ชัยเลี่ยมกรอบสีทองจำนวน 1 องค์

7.สร้อยคอโลหะสีทอง จำนวน 1 เส้น พร้อมล็อกเก็ตเลี่ยมโลหะสีทอง จำนวน 1 องค์

8.แหวนโลหะสีทอง จำนวน 2 วง

สถานีตำรวจภูธรบางปะกง จึงขอประชาสัมพันธ์หาเจ้าของทรัพย์ หากท่านใดเคยตกเป็นผู้เสียหายหรือเคยถูกคนร้ายที่มีลักษณะดังกล่าวแสดงตนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอตรวจค้นรถแล้วลักเอาทรัพย์สินไป ให้ติดต่อมาขอรับทรัพย์สินได้ที่ ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ กันจิน๊ะ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางปะกง หมายเลขโทรศัพท์ 0993535544




วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2564

นายวุฒิพงษ์ ชาวหนองแสง กรรมการผู้บริหาร

 ห.จ.ก.หนังสือพิมพ์รวมข่าวดาวสยามนิวส์ 

หรือ รองบรรณาธิการบริหาร 

หนังสือพิมพ์ภัยสยามนิวส์ หรือ เจ้าของเพจล่าสีเทา 

ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ ประจำปี ๒๕๖๔  "สืบสาน

 พระราชปณิธาน ศาสตร์พระราชา ในหลวง ร.๙ " 

  

ช่วงบ่ายวันนี้ นายวุฒิพงษ์ ชาวหนองแสง กรรมการผู้บริหาร ห.จ.ก.หนังสือพิมพ์รวมข่าวดาวสยามนิวส์ หรือ รองบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ภัยสยามนิวส์ หรือ เจ้าของเพจล่าสีเทา ( ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔  เวลา ๑๓.๓๐ น.) ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ ประจำปี ๒๕๖๔  "สืบสาน พระราชปณิธาน ศาสตร์พระราชา ในหลวง ร.๙ "  จัดโดย มูลนิธิต้นบุญ วิสาขา

                         - สาขา สิ่งพิมพ์-วิทยุ-โทรทัศน์-ออไล้นะดีเด่น

 ณ ห้องประชุม อาคารพุทธวิชชาลัย ชั้น ๒ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร  กรุงเทพมหานคร ในงานนี้มีแขกร่วมมาให้เกียรติอย่างมากมาย ทั้งศิลปินและดารา รวมทั้งผู้สื่อข่าวดีเด่นหลายๆท่าน อีกทั้งนี้ ท่าน พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตรตา อดีตรองผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ ยังมาร่วมงานนี้อีกด้วย













วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2564

 

บุกคฤหาสน์จับ หลงจู๊สมชาย-ลูก คดีจ้างวานฆ่าวินจยย. แอบถ่ายแฉบ่อน

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 25 มี.ค.2564 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.อ.วิจักข์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. นำกำลังร่วมกับตำรวจ บช.ภ.2 นำหมายค้นศาลอาญากระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 21 จุด ใน 4 จังหวัด

ประกอบด้วย จ.ระยอง, จ.จันทบุรี, จ.ชลบุรี และ กทม. เพื่อจับกุมตัว นายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือ หลงจู๊ชาย อายุ 56 ปี เจ้าพ่อบ่อนพนันภาคตะวันออก พร้อมกับเครือญาติและสมุน ตามหมายจับศาลอาญาคดี จ้างวานฆ่า และร่วมกันฟอกเงินที่ได้จากธุรกิจบ่อนพนัน

สำหรับจุดสำคัญในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เป็นคฤหาสน์กลางเมืองระยองเนื้อที่ 2 ไร่ เลขที่ 158/28 ถนนราษฎร์บำรุง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งเป็นบ้านพักของนายสมชาย ทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปถึงได้แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วน พร้อมกระจายกำลังเข้าปิดล้อมเพื่อป้องกันการหลบหนีรอบทิศทาง ก่อนกดกริ่งประตูหน้าบ้านแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น แต่ผู้ที่อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวไม่มีใครยอมออกมาเปิดประตูรั้วให้ เจ้าหน้าที่จึงใช้บันไดปีนรั้วเข้าไป

กระทั่งพบตัวนายสมชาย และ นายธนา จุติกิติ์เดชา อายุ 26 ปี ลูกชาย อยู่ในบ้านพัก จึงแสดงหมายค้นและหมายจับให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนรับทราบ พร้อมเข้าควบคุมตัว และกระจายกำลังเข้าตรวจค้นภายในบ้านเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม

สำหรับการเข้าจับกุมนายสมชายครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2563 เกิดเหตุคนร้าย 2 ราย ขับรถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนประกบยิง นายประทุม สะอาดนัก อายุ 47 ปี วินจักรยานยนต์รับจ้าง เสียชีวิตด้านหลังโรงเรียนเมืองพัทยา 8 ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา สามารถจับกุม นายมนัส อิ่มหนำ อายุ 39 ปี และ นายนิพนธ์ ปานทอง อายุ 47 ปี ผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้

โดยผู้ต้องหาให้การอ้างว่า สาเหตุมาจากมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แต่ทางญาติของผู้เสียชีวิตไม่ปักใจเชื่อ จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพราะเชื่อว่าปมสังหารที่แท้จริงน่าจะเป็นเรื่องที่ผู้ตายไปมีความขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพลเกี่ยวกับเรื่องการพนัน

ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ นายประทุม ได้แอบเข้าไปถ่ายรูปสถานที่แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ที่ลักลอบเปิดบ่อนการพนัน ก่อนเรื่องดังกล่าวรู้ถึงหูของกลุ่มนายทุนเจ้าของบ่อนจึงเกิดความไม่พอใจ ก่อนสั่งการให้นายสุพรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี และ นายถาวร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ผู้ดูแลบ่อน จัดหามือปืนมาก่อเหตุฆ่าปิดปาก

ด้วยเหตุนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จึงมอบหมายให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ในฐานะเลขาศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) รับโอนสำนวนคดีดังกล่าวมาอยู่ในความดูแล พร้อมกับสืบสวนขยายผลจนสามารถติดตามจับกุม นายสุพรรณ และ นายถาวร ได้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2563 จากนั้น จึงขยายผลต่อเนื่องจนกระทั่งพบความเชื่อมโยงถึง นายสมชาย ซึ่งเป็นนายทุนบ่อนดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนนำมาสู่การจับกุม

หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจะควบคุมตัวนายสมชาย พร้อมพวก ไปทำการสอบปากคำ พร้อมกับแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดทางคดีต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการอีกครั้งที่กองปราบปรามต่อไป




 “191 ร่วม ปปส. ปิดล้อมตรวจค้นยาเสพติดชุมชนกลางกรุงเทพมหานคร

วันที่ 24 มีนาคม 2564  พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์, พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล, พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา, พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดง รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ท.อัครพล โทยะ, พ.ต.ท.วสันต์   ธวัชชัยวิรุตษ์, พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร

พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ต.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ 1, พ.ต.ต.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 และพ.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง สว.งานสายตรวจ 3 ได้สนองนโยบายผู้บังคับบัญชาในกวาดล้างอาชญากรรมและชุมชนแพร่ะบาดยาเสพติด กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติด(ปปส.) ร่วมระดมปล่อยแถวปิดล้อมกวาดล้างอาชญากรรมและชุมชนแพร่ระบาดยาเสพติด โดยกำหนดจุดเป้าหมายในการปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 28 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร

ผลการปฏิบัติจับกุมอาวุธปืนจำนวน 3 กระบอก, กัญชา 383 กรัม, ใบกระท่อม 5 กก., ยาไอซ์ 3.6 กรัมยาบ้า 6 เม็ด, ตันกัญชา 1 ต้น, เคตามีน 1.73 กรัม, น้ำต้มกระท่อม 17 ลิตร รวมผู้ต้องหาจำนวน 22 คน


ทั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนหาข่าว กก.สายตรวจ บก.สปพ.และ ปปส.กทม. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพลเมืองดี รวมทั้งได้รับแจ้งเบาะแสร้องเรียนจากสายด่วน 191 จึงได้ดำเนินการลงตรวจค้นชุมชนหาผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยและกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมมั่วสุมเสพยาเสพติด ซึ่งสร้างปัญหาให้กับสังคม ในกรุงเทพมหานคร จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมมือกับ ปปส.กทม.

นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นตามจุดร้องเรียนที่พลเมืองดีได้แจ้งไว้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนได้ผลการปฏิบัติออกมาตามที่รายงานไปข้างต้น ซึ่งอาชญากรรมยังคงมีอีกมากมายในกรุงเทพมหานคร




 ตู้คอนเทรนเนอร์บรรทุกสีตกจากหางพ่วงทับเสาไฟ เกิดระเบิดในตู้ระหว่างเก็บกู้ไฟลุกท่วมตู้

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 24 มีนาคม2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบ่อ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงคอนเทรนเนอร์เสียหลักพลิกคว่ำทับเสาไฟฟ้าข้างทางที่บริเวณถนนบางนา-ตราดช่องทางคู่ขนานขาเข้านครบาลหลังกิโลเมตรที่ 31 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ และเกิดเพลิงลุกไหม้บริเวณตู้คอนเทรนเนอร์ ระหว่างที่รถเคนกำลังเก็บกู้ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุได้พบไฟกำลังลุกไหม้ตู้คอนเทรนเนอร์ขนาดใหญ่ที่เสียหลักพลิกตกจากหางพ่วงทับเสาไฟฟ้าอยู่โดยเปลวเพลิงได้ลุกโหมอย่างรุนแรง โดยเปลวไฟได้ลุกลามไปลุกไหม้ป่าหญ้าที่อยู่ริมถนนทำให้เปลวไฟขยายเป็นวงกว้างรถที่สัญจรผ่านไปมาในช่องทางคู่ขนานขาเข้านครบาลไม่สามารถผ่านไปได้เจ้าหน้าที่จึงต้องปิดการจราจรในช่องทางคู่ขนานที่เกิดเหตุ

ทำให้การจราจรติดขัดยาวหลายกิโล เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิง แต่ก็ไม่สามารถสกัดเพลิงได้เนื่องจากภายในตู้คอนเทรนเนอร์ดังกล่าวเท่าที่สอบถามทราบว่ามีสีไม่ทราบชนิดบรรทุกอยู่เต็มตู้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยิงฉีดน้ำเข้าไปทำให้เกิดเปลวไฟลุกโหมเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงได้ประสานขอรถน้ำยาเคมีโฟมจากเทศบาลข้างเคียงเข้าร่วมดับเพลิงในที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนแผนใช้ถังเคมีเข้าไปฉีดดับเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ออกมาจากในตู้คอนเทรนเนอร์ตู้ดังกล่าวเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงการดับเปลวไฟที่ลุกไหม้ภายในตู้คอนเทรนเนอร์ใบดังกล่าวก็ยังไม่เป็นผล และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เป็นคนขับรถเครนที่มาเก็บกู้ตู้คอนเทรนเนอร์ใบดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลบางเสาธง อีก 1 รายที่ถูกแรงระเบิดอัดใส่ขณะเข้าดับเปลวไฟถูกนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียงไปก่อนแล้ว

จากการสอบถามทราบว่าก่อนหน้านี้ตู้คอนเทรนเนอร์ใบดังกล่าวได้เกิดพลิกตกมาจากรถหางรถบรรทุกพ่วงตู้คอนเทรนเนอร์และลงไปทำเสาไฟที่ตั้งอยู่ริมถนนโดยมีเสาเหล็กแทงทะลุเข้าไปในตู้คอนเทรนเนอร์ ระหว่างที่รถเครนขนาดใหญ่ที่เข้ามาทำการเก็บกู้ โดยการใช้เครนเข้ายกตู้คอนเทรนเนอร์ใบดังกล่าวขึ้นและเกิดการเสียดสีระหว่างเสาเหล็กที่แทงทะลุเข้าไปในตู้คอนเทรนเนอร์ใบดังกล่าวทำให้เกิดประกายไฟลุกไหม้สีที่บรรทุกมาในตู้จึงทำให้เกิดไฟลุกไหม้และเกิดระเบิดในตู้คอนเทรนเนอร์ขึ้นก่อนที่จะเกิดเปลวไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงและลุกลามไปลุกไหม้ป่าหญ้าที่อยู่ริมถนนจนขยายเป็นวงกว้าง ทำให้รถเครนคันดังกล่าวต้องยกเลิกกี่เก็บกู้และล่าถอยออกมาจากที่เกิดเหตุ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เครื่องตัดเหล็กมาทำการตัดเจาะตู้คอนเทรนเนอร์



เพื่อทำการฉีดน้ำเข้าไปดับเพลิงด้านในตู้จึงสามารถดับเพลิงเอาไว้ได้ แต่ภายหลังไฟได้เกิดปะทุขึ้นอีก และเกิดการระเบิดทำให้ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นจำนวน 2 คนได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลบางบ่อ จำนวน 1คน และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11อีกจำนวน 1คน

 

*** ภาพ ข่าว ก๊วก สมุทรปราการ 0876122558 ***



 ทลายโกดังผลิตถุงมือแพทย์เถื่อนของนานทุนจีน ยึดของกลาง 19 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

วันที่ 24 มีนาคม จ.ปทุมธานี ตำรวจกองปราบปรามตรวจค้นอาคารเลขที่ เลขที่ 88/7 ม.13 ต.ลำลูกกา หลังสืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวถูกลักลอบเปิดเป็นโรงงานการผลิตและบรรจุสินค้าถุงมือยางทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ยึดถุงมือยางทางการแพทย์ทั้งหมดภายในโกดังดังกล่าวจำนวนรวม 19,650,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาทไว้เป็นหลักฐาน จะบกุมพนักงานจำนวนรวม 19 คน แบ่งเป็นชาย 9 คน หญิง 10 คน

สำหรับการเข้าตรวจค้นจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายจำนวนหลายราย เข้าร้องเรียนกองปราบปราม ว่าได้มีกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงอ้างว่าสามารถนำสินค้าประเภทถุงมือยางทางการแพทย์มาจำหน่ายให้ได้เป็นจำนวนมาก โดยมีผู้เสียหายบางรายหลงเชื่อวางเงินมัดจำสินค้าเป็นจำนวนเงิน 40- 50 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้รับสินค้า หรือ บางรายได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ และเมื่อนำสินค้าดังกล่าวส่งออกไปยังต่างประเทศก็ถูกตีคืนกลับมาเนื่องจากคุณภาพไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน



อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนพนักงานฝ่ายผลิตทั้งหมดรวมถึงตรวจสอบสัญญาการเช่าใช้พื้นที่โกดังทราบว่าขบวนการดังกล่าวเป็นของนายทุนชาวจีน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับและติดตามตัวมาดำเนินคดี