วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

บุกทลายเครือข่ายบริษัทดัง หลอกร่วมลงทุน สูญเงิน 1,000 ล้าน


ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)​ , เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันทลายเครือข่ายบริษัทชื่อดัง หลอกลวงนักลงทุนกว่า 1,000ราย ให้ร่วมลงทุน โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000ล้านบาท


สืบเนื่องมาจาก ได้มีกลุ่มผู้เสียหายเข้าเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ว่าถูกนายประสิทธิ์ กับพวก ร่วมกันชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนในหลายรูปแบบ ซึ่งกำหนดผลตอบแทนเป็นกำไรที่สูงเกินความเป็นจริงที่บริษัท จะสามารถประกอบกิจการนำเงินในส่วนของผลกำไรมาจ่ายผู้เสียหายได้ ซึ่งเป็นการจูงใจให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก และต่อมาภายหลัง กลุ่มผู้ต้องหาไม่สามารถจ่ายผลตอบเเทนและเงินลงทุนคืนให้ผู้เสียหายได้ตามกำหนด ผู้เสียหายได้ติดต่อทวงถามขอเงินต้นที่ร่วมลงทุนคืน แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ผู้เสียหายจึงรวมกลุ่มกันมาเเจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า มีผู้เสียหายและนักลงทุนที่ถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนหลาย 1,000 ราย และพบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท


โดยกลุ่มผู้ต้องหามีรูปแบบการชักชวนให้ลงทุนหลายรูปแบบ อาทิ ชักชวนให้ผู้เสียหายนำบัตรเครดิต หรือเงินสด มาลงทุนซื้อแพ็กเกจทัวร์กับทางบริษัททัวร์ของผู้ต้องหา โดยในกรณีที่ผู้ลงทุนไม่ประสงค์จะใช้เเพ็กเกจทัวร์ดังกล่าว ผู้ลงทุนสามารถนำเงินมาลงทุนหมุนเวียนกับทางบริษัทในรูปแบบอื่นได้ และในส่วนของผลตอบแทนจะเป็นไปตามที่บริษัทฯ นำเสนอโดยมีรูปแบบการลงทุน ทั้งแบบ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 10 เดือน หรือรูปแบบที่ 2 เป็นการชักชวนให้ลงทุนโดยให้โอนเงินฝากเข้าบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์การค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสานของผู้ต้องหา โดยอ้างว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทน 11.5-15 เปอร์เซ็นต์ ต่อการลงทุนในระยะเวลา 39 วัน


ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวน จนทราบตัวเครือข่ายหลอกลวงนักลงทุน ดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับนายประสิทธิ์ กับพวก ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนรวมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 6 ราย


โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ได้ดำเนินการตรวจค้นเป้าหมายทั้งหมด 9 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 4 ราย ดังนี้

๑. น.ส.ณัฐวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี

๒. น.ส.สิริมา (สงวนนามสกุล) อายุ37 ปี

๓. นายกิตติวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40ปี

๔. พ.ท.พญ.อมราภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี

นอกจากนี้ในระหว่างการตรวจค้นจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถจับกุมนายวิมกริช อายุ 33 ปี ในความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ได้ที่ห้องพักในโรงเเรมแห่งหนึ่ง เขตสาทร กรุงเทพฯ พร้อมกับ น.ส.ณัฐวรรณฯ (ผู้ต้องหาในคดีนี้) และสามารถตรวจยึดพยานเอกสารพร้อมพยานหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเเละเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอีกจำนวนหลายรายการ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมพยานหลักฐาน นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ในส่วนของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุมอีก 2ราย คือนายประสิทธิ์ อายุ45 ปี และนายกิตติศักดิ์ อายุ 55 ปี เจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และหากประชาชนท่านใดมีเบาะเเสเกี่ยวกับผู้ต้องหาที่ยังคงหลบหนีอยู่ ท่านสามารถเเจ้งข้อมูลเบาะเเสที่เป็นประโยชน์ เข้ามาได้ที่ บก.ป. หรือ บก.ปอศ.

ในส่วนของผู้ลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหา ท่านสามารถรวบรวม พยานหลักฐาน ติดต่อเข้าเเจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น