บิ๊กอ้อรองโฆษก ตร.เตือนภัยเงินกู้นอกระบบออนไลน์
เมื่อวันที่
13 พ.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง
ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เปิดเผยว่า ในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
ที่ระบาดไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยตลอดระยะเวลานานกว่า 1
ปีแล้วนั้นส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งทางรัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนหลายมาตรการอยู่โดยตลอด
แต่อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ดังกล่าวยังคงส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินการทองของพี่น้องประชาชนในหลายๆ
ภาคส่วน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่ประกอบอาชีพหาเช้ากินค่ำ
ทำงานที่ได้รับเงินรายได้ค่าจ้างแบบรายวัน อาจจะได้รับผลกระทบมาก
เป็นผลทำให้พี่น้องประชาชนบางส่วนที่เดือดร้อนเงินทองขาดมือไม่สามารถหยิบยืมญาติพี่น้องหรือคนรู้จักได้ทัน
อาจจะหันไปใช้วิธีการกู้เงินนอกระบบ
ซึ่งปัจจุบันนี้พบว่ามีมิจฉาชีพแฝงตัวมาในลักษณะปล่อยเงินกู้ผ่านระบบออนไลน์
โดยใช้วิธีการเข้ามาขอเป็นเพื่อนผ่านทางเฟซบุ๊ก หรือ ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ต่างๆ
ประกาศเชิญชวนให้ใช้บริการเงินกู้
โดยอ้างว่าสามารถกู้เงินได้โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน หรือ กู้ได้แม้จะติดเครดิตบูโร
แถมอนุมัติเงินกู้ได้ภายใน 5 นาทีบ้าง 10 นาทีบ้าง
แต่มีข้อแม้ว่าผู้กู้จะต้องโอนเงินค่าธรรมเนียม เป็นเงิน 10%
ของเงินที่จะขอกู้ก่อน หรืออาจอ้างว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เช่น
ค่าดำเนินการ ค่าประกันเงินกู้ ค่ามัดจำ
ฯลฯ ตามแต่มิจฉาชีพจะกล่าวอ้างเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อแล้วโอนเงินดังกล่าวให้มิจฉาชีพ
ล่าสุดที่ปรากฎในสื่อฯ
พบว่ามีสุภาพสตรีท่านหนึ่งหลงกลตกเป็นเป็นเหยื่อ
โดยได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชลบุรี
โดยผู้เสียหายประสงค์ที่จะกู้เงินจำนวน 30,000
บาทเพื่อมาใช้หนี้เก่าที่ดอกเบี้ยแพงกว่าจึงตัดสินใจกู้เงินจากมิจฉาชีพที่รับแอดมาทางเฟซบุ๊กที่เสนอตัวให้กู้เงิน
แต่จะต้องจ่ายค่าต่าง ๆ ประกอบด้วย ค่าสมัครสมาชิก ค่าดำเนินการ ค่ามัดจำงวดแรก
ค่านายหน้า ค่าพนักงานเดินเรื่อง ค่ายืนยันว่าขอกู้จริง
ค่าเครดิตกับค่าคอมมิชชั่นพนักงาน ค่าสิ้นสุดการกู้ ค่ารับยอดกู้ ค่าเปิดบัญชี ก่อนถึงจะได้เงินกู้ดังกล่าว
โดยโอนไปบัญชีโน้นบัญชีนี้รวมทั้งสิ้น
11 ครั้ง เป็นเงินจำนวนเกือบ 6,000 บาทซึ่งเป็นเงินทุนก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่
จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อผู้อ้างว่าจะให้เงินกู้ได้อีก
ซึ่งในทางคดี
รองโฆษก ตร. ได้ประสานไปยัง ผกก.สภ.เมืองชลบุรี
ทราบว่าได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนเร่งรัดตรวจสอบว่ากลุ่มคนร้ายรายนี้เป็นผู้ใด
ซึ่งจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน
จึงอยากจะเตือนภัยเงินกู้ที่มาในรูปแบบเงินกู้ออนไลน์ที่พบว่ามีการให้บริการมากมายในเวลานี้
โดยพบว่ามีทั้งสถานบันการเงินหรือธนาคารที่ถูกต้องทางกฎหมาย
และมิจฉาชีพแฝงตัวมาในรูปแบบต่างๆ
รองโฆษก
ตร. แนะนำว่าหากพี่น้องประชาชนมีความจำเป็นจะต้องกู้เงินจริงๆ อยากจะให้ทำเรื่องขอกู้จากสถานบันการเงินที่ถูกต้องทางกฎหมายเป็นอันดับแรก
ไม่ควรไปใช้บริการกู้เงินนอกระบบเด็ดขาด โดยเฉพาะการกู้เงินในรูปแบบออนไลน์
เพราะอาจถูกหลอกลวงเหมือนกรณีข้างต้นได้
นอกจากนี้การกู้เงินนอกระบบผู้กู้อาจจะสุ่มเสี่ยงที่จะถูกขูดรีดเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
รวมถึงหากไม่สามารถใช้หนี้ได้ทันตามที่ตกลง อาจจะมีการทวงหนี้ในลักษณะผิดกฎหมาย
เช่น มีการทวงหนี้ในเวลาที่กฎหมายห้าม
หรือทวงหนี้ในลักษณะประจานทำให้ผู้กู้เกิดความอับอาย โดยอาจทวงหนี้ผ่านทางคนรู้จัก
หรือส่งข้อความไปให้ญาติพี่น้องคนที่เรารู้จักว่าเราติดหนี้
ซึ่งในเรื่องเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่มีลักษณะผิดกฎหมายนี้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ได้จัดตั้ง"ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.)" ตามนโยบายของรัฐบาล โดย ผบ.ตร. มอบหมายให้
พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ
โดยมุ่งมั่นที่จะสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้มีอิทธิพล
ผู้ปล่อยเงินกู้ที่มีลักษณะเรียกอัตราดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด
รวมถึงการทวงหนี้ในลักษณะที่เป็นการผิดกฎหมาย
เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่หลงไปเป็นเหยื่อ
หากมีข้อมูลเบาะแสสามารถติดต่อได้ที่
"ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชั้น 3 อาคาร 1 , กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
(บก.ปอศ.) ถนนสาทรเหนือ เขตบางรัก กทม. หรือโทรศัพท์สายด่วน 1599
หรือที่สถานีตำรวจทุกแห่ง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น