สธ.เผยข้อมูล รายแรกของไทย กรณีครูสาวดับหลังฉีดวัคซีนไขว้ชนิด เร่งหาสาเหตุ
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีมีหญิงสาวเสียชีวิต หลังการฉีดวัคซีนสลับชนิด ว่า กรณีมีการรายงานผ่านสื่อมวลชนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่ามีผู้หญิงอายุ 39 ปี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งเป็นการฉีดเข็มที่ 2 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต
นพ.โสภณกล่าวอีกว่า หลังจากประเทศไทยดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดตั้งแต่เดือน มี.ค. จนถึงปัจจุบันฉีดไปแล้ว 14.8 ล้านโดส มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับผู้รับวัคซีนและต่อมามีรายงานการเสียชีวิตประมาณ 229 ราย คิดเป็น 16 ต่อ 1 ล้านคนที่ฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ได้รับวัคซีนอยู่ในระยะ 1 เดือนหลังรับวัคซีน ทั้งนี้มีการติดตามข้อมูลและผลการพิจารณาสาเหตุ โดยคณะผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีการแถลงอยู่เป็นระยะ ส่วนใหญ่เมื่อคณะกรรมการพิจารณาข้อมูลโดยละเอียด ทั้งข้อมูลการฉีดวัคซีน อาการที่เกิดขึ้น ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ รวมถึงผลการชันสูตรศพ ไม่พบว่ามีสาเหตุมาจากการฉีดวัคซีนโดยตรง แต่มีโรคร่วม ซึ่งที่พบบ่อยคือโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง อีกส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
นพ.โสภณกล่าวว่า
สำหรับรายนี้พบว่าเป็นครู มีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง มี BMI
31 ฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็นซิโนแวค
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เข็มที่ 2 ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เมื่อวันที่ 19
ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ สธ. โดยคำแนะนำของคณะผู้เชี่ยวชาญ
รวมทั้งคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
พิจารณาจากข้อมูลผลการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันที่ให้มีการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายของซิโนแวค และตามด้วยไวรัลเวคเตอร์ ของแอสตร้าฯ ห่างกัน 3 สัปดาห์ จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่เร็วภายใน 2 สัปดาห์หลังการฉีดเข็ม 2 ซึ่งจนถึงวันนี้มีการฉีดวัคซีนสลับชนิดมากกว่า 84,000 คน โดยกรณีครูอายุ 39 ปี เป็นเป็นรายแรกที่มีการเสียชีวิต คิดเป็นอัตรา 1 ในแสนของผู้ฉีดวัคซีน ซึ่งยังต้องหาสาเหตุต่อไป อย่างไรก็ตามแพทย์ได้มีการตรวจเบื้องต้นและมีการชันสูตรที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าจะทราบผลในเร็ววันนี้
“ขณะนี้จึงยังไม่สรุปว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนจะได้นำข้อมูลที่ตรวจสอบแล้ว
และมีข้อมูลเพียงพอมานำเสนอ แต่ที่จะสรุปเรื่องต้นคือวัคซีนทั้ง 2
ตัวที่ฉีดในประเทศไทยนั้น
เป็นวัคซีนที่ได้พิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยสูงจากการที่เราฉีดมาก 10 กว่าล้านโดส
เพียงแต่รายนี้เป็นการฉีดวัคซีนสลับชนิดและเกิดเหตุการณ์เสียชีวิตก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวอีกครั้ง
ส่วนผลการสรุปจะมีการเรียนให้ทราบต่อไป” นพ.โสภณกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น